โฆษณาบน YouTube แบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจคุณ
โฆษณาบน YouTube เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการโปรโมทแบรนด์และสินค้าของคุณให้กับโลกใบนี้ แต่คุณเคยสงสัยไหมว่าควรเลือกประเภทของโฆษณาใน YouTube แบบไหนที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ? บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับประเภทต่างๆของโฆษณาบน YouTube และวิธีการเลือกให้ตรงกับแบรนด์และวัตถุประสงค์ของคุณ เคยสงสัยกันมั้ยว่าธุรกิจขนาดเล็กขนาดใหญ่มากมายที่เราเคยเห็นผ่านโฆษณาบน YouTube มักมีการโฆษณาหลากหลายรูปแบบทั้งกดข้ามได้และกดข้ามไม่ได้ ไปแสดงที่นู่นที่นี่ให้เห็นบ่อยๆจนเราสามารถจดจำธุรกิจเหล่านั้นได้ และถ้าเราอยากลงโฆษณาแบรนด์ของเราบ้างล่ะ เราควรจะเลือกแบบไหนดี
1.โฆษณารูปแบบ Trueview
โฆษณารูปแบบ Trueview คือโฆษณาที่ทาง YouTube จะคิดค่าโฆษณาก็ต่อเมื่อเกิดการดูโฆษณานั้นจริงๆ โดยคิดจากคนที่ดูโฆษณาอย่างน้อย 30 วินาทีหรือดูจนจบ โดยระบบจะเป็นตัวคัดเลือกผู้ชมที่อาจเป็นกลุ่มเป้าหมายให้เอง โดยดูจากประวัติการค้นหาของบุคคลนั้น เหตุผลนี้เป็นข้อดีอย่างมากเพราะโฆษณาของเราจะเข้าไปอยู่ในกลุ่มเป้าหมาย และทำให้มีโอกาสเพิ่มยอดขายสินค้าหรือบริการได้
1.1 SKIPPABLE IN-STREAM ADS (TRUEVIEW – INSTREAM ADS)
หรือที่หลายคนเรียกกันง่ายๆว่า Skip Ads เป็นโฆษณาที่สามารถกดข้ามวีดีโอได้หลังจาก 5 วินาที โดยสามารถกำหนดได้ว่าจะให้โฆษณาแทรกขึ้นมาตั้งแต่เริ่มต้น ระหว่างวีดีโอหลัก หรือตอนจบวีดีโอหลัก สามารถแสดงผลได้ทั้งบน YouTube เว็บ และแอปพลิเคชันที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Google โฆษณารูปแบบนี้เหมาะกับคนที่ต้องการขายสินค้า เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ โปรโมทธุรกิจให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
1.2 VIDEO DISCOVERY ADS (TRUEVIEW DISCOVERY ADS)
โฆษณาประเภทนี้จะแสดงผลอยู่ใน 3 ส่วนคือ หน้าแรกของ YouTube หน้าผลการค้นหา และหน้าวีดีโอหลัก โดยบางแหล่งอ้างอิงจะเรียกว่า Trueview in – search Ads คือหน้าผลการค้นหา หรือ Trueview in – display Ads คือหน้าวีดีโอหลัก โดยโฆษณาประเภทนี้เหมาะอย่างมากสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่ม Product Consideration เมื่อผู้บริโภคสนใจสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งย่อมมีการค้นหาข้อมูลของสินค้าตัวนั้น และการที่ลูกค้าได้เห็นสินค้าหรือบริการจากโฆษณาจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการซื้อสินค้าหรือบริการเราได้มากขึ้น
2. NON-SKIPPABLE – STREAM ADS
โฆษณาประเภทนี้อยู่ตรงกันข้ามกับตัวแรกเพราะว่าไม่สามารถกด Skip ได้ โดย YouTube กำหนดวิดีโอโฆษณาประเภทนี้มีความยาวได้ไม่เกิน 15 วินาที สามารถกำหนดได้ว่าต้องการให้โฆษณาแสดงผลในช่วงไหนของวิดีโอหลัก เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการ ทำให้คนรู้จักมากขึ้น โปรโมทสินค้า/บริการให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
3. BUMPER ADS
เป็นวิดีโอโฆษณาที่ขึ้นมาแทรกในวิดีโอหลักทุกช่วงเช่นกัน แต่มีเวลาเพียง 6 วินาทีเท่านั้น ไม่สามารถกด Skip ได้ เหมาะกับคนที่ต้องการจะโปรโมทผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ หรือโปรโมชันพิเศษประจำช่วงเวลานั้นๆ แต่เนื่องจากมีเวลาเพียงค่ 6 วินาที จึงต้องวางแผนให้ดีว่าต้องการสื่ออะไรให้คนเห็นเข้าใจทันที
4. OUTSTREAM ADS
ถึงแม้ว่าคอนเท้นนี้จะอธิบายประเภทของโฆษณาบน YouTube แต่โฆษณาตัวนี้จะไม่แสดงผลที่ YouTube ถึงแม้จะตั้งค่าผ่าน YouTube ก็ตาม โดยจะแสดงผลเฉพาะบน Mobile Website และบน Mobile Application ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Google เท่านั้น เนื่องจากโฆษณาประเภทนี้เข้าถึงเฉพาะมือถือและแท็บเล็ต จึงเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยโปรโมทแบรนด์ สินค้า และบริการให้ผู้บริโภคเห็นมากขึ้น เพราะว่าปัจจุบันหลายๆคนใช้มือถือในการค้นหาข้อมูลมากกว่าคอมพิวเตอร์เสียอีก
5. MASTHEAD ADS
และก็มาถึงโฆษณาที่มีความยากที่สุดในการลงคือ Masthead Ads โฆษณาประเภทนี้จะแสดงผลเฉพาะหน้าแรกของ YouTube เท่านั้น มาพร้อมกับฟังก์ชันปิดเสียงแต่วิดีโอโฆษณายังคงเล่นต่อไป ที่บอกไปว่ายากที่สุดในการลงคือ ไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะลงได้เลย แต่ต้องติดต่อ Google Sale Representative ก่อนถึงจะใช้โฆษณาประเภทนี้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าราคาต้องสูงมากแน่ๆ ในต่างประเทศราคาอาจอยู่ประมาณ 300,000 ถึง 400,000 เหรียญ โดยราคาจะผันแปรตามประเทศเป้าหมายที่เราต้องการโฆษณา
6. โฆษณาที่ไม่ใช่วิดีโอ
นอกจากโฆษณาที่เป็นวิดีโอแล้ว YouTube ยังมีโฆษณาที่เป็นแบนเนอร์ที่ผู้ชมสามารถกดเข้าไปดูข้อมูลได้ จุดประสงค์หลักก็คือเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ และทำให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยโฆษณาที่ไม่ใช่วิดีโอจะแบ่งเป็น 2 ประเภท
6.1 Display Ads
เป็นแบนเนอร์ที่แสดงอยู่ด้านข้างของวิดีโอหลัก ซึ่งโฆษณาจะเกี่ยวข้องกับวิดีโอหลักที่เราดู ซึ่งโฆษณาประเภทนี้กับ Discovery Ads สามารถแสดงผลพร้อมกันได้
6.2 Overlay – in – Video Ads
เป็นแบนเนอร์ที่จะแสดงอยู่ด้านล่างภายในตัววิดีโอหลัก สามารถกดปิดได้ โดยแบนเนอร์สามารถแสดงขึ้นมาได้ทุกช่วงของวิดีโอ
เทคนิคสำหรับโฆษณาบน YouTube ที่ได้ผล
-รู้ว่าผู้ชมคือใคร – หากไม่รู้กลุ่มเป้าหมายแล้วล่ะก็ โฆษณาที่ทำมาอาจจะไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายใดเลย ทำให้เสียค่าโฆษณาไปฟรีๆ
-แสดงแบรนด์/สินค้าให้ชัดเจน – การแสดงแบรนด์หรือสินค้าให้ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่สามารถสื่อสารโดยตรงใหู้้ชมเข้าใจว่าสินค้าของเราคืออะไร
-บอกผู้ชมให้รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ – บอกช่องทางให้ชัดเจนทั้งช่องทางในการติดตาม หรือช่องทางในการซื้อสินค้า หากลูกค้ารับรู้ถึงแบรนด์หรือสินค้าของเรา แต่ไม่รู้ต้องไปซื้อที่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยในการทำโฆษณาบน YouTube
-ไม่ทำโฆษณายืดเยื้อ – คำว่ายืดเยื้อในที่นี่ไม่ได้หมายถึงระยะเวลาของวีดีโอโฆษณา แต่หมายถึงการเข้าเนื้อหาหลักที่ต้องการโฆษณา หากเข้าถึงเนื้อหาได้ในจังหวะที่ถูกต้อง สามารถทำให้ผู้ชมดูจบได้
สรุป
สำหรับประเภทของโฆษณาบน YouTube โฆษณาบน YouTube นั้นเป็นส่วนหนึ่งกับ Google Ads จะเห็นได้ว่าโฆษณาบางรูปแบบจะสามารถไปแสดงบนเว็บไซต์ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Google ได้ด้วย สำหรับใครที่ต้องการทำ โฆษณาบน YouTube สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้ให้ตรงกับเป้าหมายของธุรกิจ โดยอย่าลืมคำนึงถึงจุดประสงค์หลักของธุรกิจคุณว่าต้องการอะไรถึง
แม้ว่าโฆษณาแต่ละประเภทนั้นส่วนใหญ่จะช่วยเรื่องเพิ่มการรับรู้ของผู้คนและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายก็ตาม แต่ก็ยังจำเป็นที่ต้องเลือกประเภทให้เหมาะกับวิธีการโฆษณาของธุรกิจคุณมากที่สุด สุดท้ายถ้าธุรกิจมีการทำโฆษณาให้น่าสนใจ ยังไงคนส่วนใหญ่จะต้องติดตามต่อแน่นอน