ขั้นตอนการจดทะเบียนการค้าและพาณิชย์ในประเทศไทย

ขั้นตอนการจดทะเบียนการค้าและพาณิชย์ในประเทศไทย

ในยุคปัจจุบันที่ธุรกิจออนไลน์กำลังมีความนิยมอย่างสูง การจดทะเบียนการค้าหรือจดทะเบียนพาณิชย์กลายเป็นเรื่องที่หลายคนอาจยังสงสัยอยู่ว่าจำเป็นหรือไม่ และถ้าจำเป็นแล้ว ขั้นตอนและเอกสารที่ต้องเตรียมมีอย่างไรบ้าง? ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับขั้นตอนการจดทะเบียนการค้าและพาณิชย์ในประเทศไทยอย่างละเอียด โดยมีข้อมูลเป็นภาษาไทยและครอบคลุมทุกประเด็นที่คุณต้องรู้

1.ใครบ้างที่ต้องจดทะเบียนการค้าและพาณิชย์?

ก่อนที่เราจะพูดถึงขั้นตอนการจดทะเบียนการค้าและพาณิชย์ เราควรทราบว่าใครบ้างที่มีหน้าที่จดทะเบียนพาณิชย์ กรมธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ได้แบ่งผู้ที่มีหน้าที่จดทะเบียนพาณิชย์ไว้ 5 ประเภทดังนี้:

1.บุคคลธรรมดาคนเดียว (กิจการเจ้าของคนเดียว)

2.ห้างหุ้นส่วนสามัญ

3.กฎหมายต่างประเทศที่มาตั้งสำนักงานสาขาในประเทศไทย

4.ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด

5.บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด

2.ธุรกิจที่ไม่ต้องจดทะเบียนการค้า

นอกเหนือจากกลุ่มธุรกิจที่ต้องจดทะเบียนการค้า ยังมีธุรกิจบางประเภทที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน แต่ควรทราบว่ายกเว้นนี้มีข้อกำหนดและเงื่อนไขเฉพาะ ๆ ที่ต้องปฏิบัติอย่างถูกต้อง เพื่อไม่กระทบต่อกิจการของคุณ ธุรกิจที่ไม่ต้องจดทะเบียนการค้าได้แก่:

1.การค้าเร่ และการค้าแผงลอย

2.พาณิชยกิจเพื่อการบำรุงศาสนาหรือเพื่อการกุศล

3.พาณิชยกิจของนิติบุคคลซึ่งได้มีพระราชบัญญัติ หรือพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งขึ้น

4.พาณิชยกิจของกระทรวง ทบวง กรม

5.พาณิชยกิจของมูลนิธิ สมาคม สหกรณ์

6.พาณิชยกิจของกลุ่มเกษตรกร

3.ร้านค้าออนไลน์ต้องจดทะเบียนการค้าหรือไม่?

สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ขายสินค้าหรือบริการผ่านทางโซเชียลมีเดียหรือแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ คำตอบคือต้องจดทะเบียนการค้า นี่คือขั้นตอนที่คุณต้องเข้าใจให้ดี เพราะถ้าคุณมีธุรกิจแต่ไม่จดทะเบียน จะมีความผิดและบทลงโทษ เราแนะนำให้ร้านค้าออนไลน์ทำการจดทะเบียนพาณิชย์แบบธรรมดา และยื่นภาษีตามปกติ ทั้งนี้ หากคุณมีเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ คุณจะต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์พร้อมขอเครื่องหมาย DBD Registered เพิ่มเติม

4.เอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนการค้า

เมื่อคุณได้รู้ว่าคุณต้องจดทะเบียนการค้าหรือพาณิชย์แล้ว มาดูเอกสารที่คุณต้องเตรียมสำหรับกระบวนการนี้:

1.คำขอจดทะเบียนพาณิชย์ (แบบ ทพ.) สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่ www.dbd.go.th

2.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน

3.สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ประกอบการ

4.หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)

5.สำเนาบัตรประชาชนผู้รับมอบอำนาจ (ถ้ามี)

6.หนังสือชี้แจง (สำหรับร้านที่เปิดมานานและไม่ได้ยื่นจดทะเบียนการค้านับตั้งแต่ 30 วัน หลังเปิดร้าน)

5.จดทะเบียนการค้าหรือจดทะเบียนพาณิชย์ที่ไหน?

การจดทะเบียนการค้าหรือพาณิชย์ต้องไปยื่นที่หน่วยงานที่เหมาะสมตามสถานที่ตั้งธุรกิจของคุณ:

กรณีผู้ประกอบการที่มีธุรกิจตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ คุณสามารถยื่นจดทะเบียนการค้าที่:

  • สำนักงานเขต 50 เขต โดยต้องยื่นจะทะเบียนการค้าในเขตธุรกิจที่เราตั้งอยู่เท่านั้น
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
  • สำนักการคลัง
  • ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
  • กรณีผู้ประกอบการที่มีธุรกิจตั้งอยู่ต่างจังหวัด คุณสามารถยื่นจดทะเบียนการค้าที่:
    • เทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบลในเขตที่ตั้งตั้งธุรกิจอยู่

6.ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการค้า

ในกระบวนการจดทะเบียนการค้าหรือพาณิชย์ คุณจะต้องชำระค่าธรรมเนียมตามรายการดังนี้:

  • จดทะเบียนพาณิชย์ตั้งใหม่ 50 บาท
  • จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน ครั้งละ 20 บาท
  • จดทะเบียนยกเลิกประกอบพาณิชยกิจ 20 บาท
  • ขอให้ออกใบแทนใบทะเบียนพาณิชย์ ฉบับละ 30 บาท
  • ขอให้เจ้าหน้าที่คัดลอกสำเนาและรับรองสำเนาเอกสารของผู้ประกอบพาณิชยกิจ (ผู้ประกอบกิจการค้า) ฉบับละ 30 บาท

การจดทะเบียนการค้าหรือจดทะเบียนพาณิชย์ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด แต่ควรเตรียมเอกสารให้พร้อมและดำเนินการให้ถูกต้อง เพื่อให้เป็นประโยชน์กับธุรกิจของคุณ จดทะเบียนการค้าจะช่วยยืนความมีตัวตนของธุรกิจร้านค้า ทำให้ธุรกิจของคุณมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อยและเวลาอีกนิดหน่อย แต่ได้ความถูกต้องและน่าเชื่อถือของธุรกิจ ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ และเราขอสรุปบทความนี้ด้วยคำแนะนำให้คุณติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมในกระบวนการจดทะเบียนของคุณ

สรุป

ในยุคที่ธุรกิจออนไลน์กำลังขยายตัวอย่างมาก การจดทะเบียนการค้าหรือจดทะเบียนพาณิชย์เป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรทราบ ขั้นตอนและเอกสารที่ต้องเตรียมมีอย่างละเอียด เพื่อให้ธุรกิจของคุณเป็นไปตามกฎหมายและมีความน่าเชื่อถือ อย่าลืมติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมในกระบวนการจดทะเบียนของคุณ เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณทราบถึงขั้นตอนและเงื่อนไขในการจดทะเบียนการค้าและพาณิชย์ในประเทศไทยอย่างชัดเจน และสามารถประกอบธุรกิจของคุณได้อย่างถูกต้องและประสบความสำเร็จในอนาคต