ความรักอันยิ่งใหญ่กว่าราชวงศ์ รักจนตัดแขนเสื้อ

ความรักอันยิ่งใหญ่กว่าราชวงศ์ รักจนตัดแขนเสื้อ

“รักจนตัดแขนเสื้อ” เป็นสำนวนที่หมายถึงความรักที่ยิ่งใหญ่จนยอมสละแม้กระทั่งสิ่งที่สำคัญที่สุด สำนวนนี้มาจากไหน เพราะอะไร และเป็นเรื่องราวความรักได้อย่างไร?

เรื่องราวของจักรพรรดิฮั่นอ้ายตี้แห่งราชวงศ์ฮั่นที่ทรงตกหลุมรักชายหนุ่มคนหนึ่งนามว่าต่งเศียร จนยอมตัดแขนเสื้อตัวเองทิ้ง เพราะไม่อยากปลุกชายคนรักที่นอนทับแขนเสื้อตนอยู่

ความรักของจักรพรรดิฮั่นอ้ายตี้และต่งเศียรมีเรื่องราวอย่างไร

จักรพรรดิฮั่นอ้ายตี้ (Han Ai Di) ขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 6 ถึง ค.ศ. 15 เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถและเป็นที่รักใคร่ของเหล่าขุนนางและประชาชน แต่พระองค์ก็มีจุดอ่อนคือทรงหลงใหลในชายหนุ่มรูปงาม

ในปี ค.ศ. 10 จักรพรรดิฮั่นอ้ายตี้ทรงได้พบกับชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งนามว่าต่งเศียร (Dong Xian) ต่งเศียรเป็นบุตรของขุนนางคนหนึ่ง พระองค์ทรงตกหลุมรักต่งเศียรตั้งแต่แรกพบและทรงแต่งตั้งให้ต่งเศียรเป็นขันทีประจำพระองค์

ความรักของจักรพรรดิฮั่นอ้ายตี้และต่งเศียรเป็นที่โจษขานกันทั่วราชอาณาจักร ทั้งสองพระองค์ทรงใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขและเปิดเผย พระองค์ทรงโปรดปรานต่งเศียรมากจนยอมทำทุกอย่างเพื่อชายคนรัก

มีอยู่วันหนึ่ง จักรพรรดิฮั่นอ้ายตี้ทรงนอนหลับอยู่บนต่งเศียร พระองค์ไม่อยากปลุกชายคนรักจึงตัดสินใจตัดแขนเสื้อตัวเองทิ้งเพื่อไม่ให้ต่งเศียรตื่น การกระทำของพระองค์สร้างความประทับใจให้กับเหล่าขุนนางและประชาชนเป็นอย่างมาก

ความรักของจักรพรรดิฮั่นอ้ายตี้และต่งเศียรเป็นตัวอย่างหนึ่งของความสัมพันธ์ชายรักชายในประวัติศาสตร์จีน ซึ่งปรากฏให้เห็นอย่างแพร่หลายในวรรณกรรม ประวัติศาสตร์ และศิลปะต่างๆ สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมทางเพศของสังคมจีนในอดีตที่ยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน

เรื่องราวของจักรพรรดิฮั่นอ้ายตี้และต่งเศียรได้รับการถ่ายทอดผ่านวรรณกรรมหลายเรื่อง เช่น บทละครเรื่อง “ต่งเศียร” (Dong Xian) ของหวังชงเป่า (Wang Chongbo) บทละครเรื่องนี้เล่าเรื่องราวความรักของทั้งสองพระองค์อย่างละเอียดและโรแมนติก

เรื่องราวความรักของจักรพรรดิฮั่นอ้ายตี้และต่งเศียรยังปรากฏให้เห็นในศิลปะต่างๆ เช่น ภาพวาด “ต่งเศียรหลับบนแขนของจักรพรรดิฮั่นอ้ายตี้” (Dong Xian Sleeping on the Sleeve of Emperor Han Ai Di) ภาพวาดนี้แสดงให้เห็นถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ของทั้งสองพระองค์

เรื่องราวของจักรพรรดิฮั่นอ้ายตี้และต่งเศียรเป็นเรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมทางเพศของสังคมจีนในอดีตที่ยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน เรื่องราวนี้ยังคงเป็นที่กล่าวถึงและเป็นที่สนใจของผู้คนในปัจจุบัน

เรื่องราวความรักของจักรพรรดิฮั่นอ้ายตี้และต่งเศียรเป็นตัวอย่างหนึ่งของความสัมพันธ์ชายรักชายในประวัติศาสตร์จีน ซึ่งปรากฏให้เห็นอย่างแพร่หลายในวรรณกรรม ประวัติศาสตร์ และศิลปะต่างๆ สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมทางเพศของสังคมจีนในอดีตที่ยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน

ความสัมพันธ์แบบชายรักชายที่เรียกว่า หลี่เยี่ยน” (Li Yan) เป็นอย่างไร

ความสัมพันธ์แบบชายรักชายที่เรียกว่า “หลี่เยี่ยน” (Li Yan) ในสมัยราชวงศ์โจว-ฮั่น มีลักษณะดังนี้

  • มักเกิดขึ้นระหว่างชายวัยกลางคนและเด็กหนุ่ม
  • เชื่อกันว่าเป็นความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์และไร้ซึ่งกิเลสตัณหา
  • ได้รับการยอมรับจากสังคมในฐานะความสัมพันธ์ที่สูงส่ง

ความสัมพันธ์แบบหลี่เยี่ยนมักเกิดขึ้นระหว่างชายวัยกลางคน

ความรักอันยิ่งใหญ่กว่าราชวงศ์

ที่มีอำนาจและบารมีสูง เช่น ขุนนาง ข้าราชการ หรือจักรพรรดิ กับเด็กหนุ่มรูปงามและฉลาดเฉลียว ความสัมพันธ์แบบหลี่เยี่ยนมักถูกมองว่าเป็นความสัมพันธ์ที่โรแมนติกและลึกซึ้ง มากกว่าจะเป็นความสัมพันธ์ทางเพศ

ในวรรณกรรมจีนสมัยราชวงศ์โจว-ฮั่น มักมีบทกวีและนิยายที่กล่าวถึงความสัมพันธ์แบบหลี่เยี่ยน เช่น บทกวี “บทเพลงแห่งความรัก” (Feng Shi) ของหลี่ไท่โป กล่าวถึงความรักอันลึกซึ้งระหว่างชายสองคน เช่นเดียวกับเรื่องราวความรักของจักรพรรดิฮั่นอ้ายตี้และต่งเศียร

ความสัมพันธ์แบบหลี่เยี่ยนสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมทางเพศของสังคมจีนในอดีตที่ยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน ความสัมพันธ์แบบหลี่เยี่ยนถือเป็นความสัมพันธ์ที่สูงส่งและบริสุทธิ์

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสมัยราชวงศ์ถัง ทัศนคติของสังคมจีนต่อความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันเริ่มเปลี่ยนไป ความสัมพันธ์แบบหลี่เยี่ยนเริ่มถูกมองว่าเป็นสิ่งผิดศีลธรรมและถูกปราบปราม จนกระทั่งในสมัยราชวงศ์ชิง ความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันถูกห้ามโดยกฎหมายอย่างเด็ดขาด

เรื่องราวบทเพลงแห่งความรัก (Feng Shi) เป็นอย่างไร

บทเพลงแห่งความรัก (Feng Shi) เป็นบทกวีจีนโบราณที่เขียนขึ้นโดยหลี่ไท่โป (Li Taibo) ขุนนางและนักกวีผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ถัง (618-907) บทกวีนี้กล่าวถึงความรักอันลึกซึ้งระหว่างชายสองคน

บทกวีเริ่มต้นด้วยการบรรยายถึงความสวยงามของธรรมชาติ เปรียบเสมือนความรักอันบริสุทธิ์และไร้เดียงสาของชายทั้งสองคน ทั้งสองคนต่างตกหลุมรักกันและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข

จากนั้นชายผู้เล่าเรื่องจึงบรรยายถึงความรักระหว่างเขาและชายคนรัก ความรักของพวกเขาเป็นไปอย่างบริสุทธิ์และไร้ซึ่งกิเลสตัณหา พวกเขารักกันเพียงเพราะต้องการความรักและความเข้าใจ ความรักของพวกเขาเป็นเหมือนแสงสว่างที่ให้ความอบอุ่นและความสุขแก่พวกเขา

แต่แล้ววันหนึ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งต้องจากไป ชายอีกคนรู้สึกเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก บทกวีบรรยายถึงความรู้สึกของชายคนนั้นได้อย่างลึกซึ้งและกินใจ

ตัวอย่างบทกวี “บทเพลงแห่งความรัก”

ต้นฉบับภาษาจีน

雲想衣裳花想容, 春風拂檻露華濃。

若非群玉山頭見, 會向何處尋覓?

แปลเป็นภาษาไทย

เมฆนึกถึงเสื้อผ้า ดอกไม้นึกถึงใบหน้า ลมพัดผ่านระเบียง ละอองน้ำหอมกรุ่น

หากมิได้เห็นเขาที่ภูเขาหยก จะแสวงหาเขาได้จากที่ไหน

แปลเป็นภาษาอังกฤษ

The clouds think of the clothes, the flowers think of the face, The spring breeze blows on the screen, the dew is fragrant.

If I had not seen him on the Jade Mountain, Where would I have found him?

บทกวีปิดท้ายด้วยการประกาศว่าความรักของพวกเขาจะคงอยู่ตลอดไป แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม

บทเพลงแห่งความรักเป็นบทกวีที่งดงามและทรงพลัง บทกวีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความรักในสังคมจีนโบราณ ความรักเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถให้ความสุขและความหมายแก่ชีวิต

บทกวีนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมทางเพศของสังคมจีนในอดีตที่ยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน ความรักระหว่างชายสองคนไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเรื่องผิดศีลธรรมหรือถูกรังเกียจ ในทางกลับกัน ความรักระหว่างชายสองคนอาจถูกมองว่าเป็นความรักที่บริสุทธิ์และสูงส่ง

บทเพลงแห่งความรักเป็นบทกวีที่ยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน บทกวีนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย และได้รับการยกย่องให้เป็นบทกวีรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบทหนึ่งของวรรณคดีจีน

ความรักอันยิ่งใหญ่กว่าราชวงศ์

ปัจจุบันความสัมพันธ์แบบชายรักชายในประเทศจีนเป็นอย่างไร

ปัจจุบันความสัมพันธ์แบบชายรักชายในประเทศจีนยังคงเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน ทัศนคติของสังคมจีนต่อความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันยังคงมีความหลากหลาย มีทั้งผู้ที่ยอมรับและผู้ที่ต่อต้าน

ในสังคมจีนสมัยใหม่ ความสัมพันธ์แบบชายรักชายเริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้น เห็นได้จากจำนวนภาพยนตร์ ละคร และรายการโทรทัศน์ที่นำเสนอเรื่องราวความรักระหว่างชายสองคน สื่อเหล่านี้มีส่วนช่วยในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน และทำให้สังคมจีนเริ่มเปิดรับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น

ใน 2019 รัฐบาลจีนได้ยกเลิกกฎหมายที่ห้ามการโฆษณาชวนเชื่อรักร่วมเพศ ส่งผลให้มีสื่อและภาพยนตร์เกี่ยวกับความรักร่วมเพศเผยแพร่มากขึ้น สื่อเหล่านี้ช่วยสร้างความเข้าใจและตระหนักรู้เกี่ยวกับความรักร่วมเพศในสังคมจีน

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของกลุ่ม LGBTQ+ ในประเทศจีนที่ทำงานเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ กลุ่มเหล่านี้ช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาที่กลุ่ม LGBTQ+ เผชิญ และเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม

จากข้อมูลขององค์กร Human Rights Watch พบว่า ชาวจีนที่เป็นเพศทางเลือกมักต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติและการเลือกปฏิบัติในหลายด้าน เช่น การจ้างงาน การศึกษา และการดูแลสุขภาพ

ในปี 2021 องค์กร Human Rights Watch ได้เผยแพร่รายงานที่ระบุว่า ชาวจีนที่เป็นเพศทางเลือกมักถูกกดดันให้แต่งงานกับเพศตรงข้าม และอาจถูกครอบครัวบังคับให้เลิกความสัมพันธ์กับคู่รักเพศเดียวกัน

ในปี 2022 รัฐบาลจีนได้ออกกฎหมายคุ้มครองความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ครอบคลุมถึงสิทธิของชาวจีนที่เป็นเพศทางเลือก กฎหมายฉบับนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสิทธิของชาวจีนที่เป็นเพศทางเลือก อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ชาวจีนที่เป็นเพศทางเลือกได้รับการยอมรับอย่างเท่าเทียมกันในสังคมจีน

อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคหลายประการที่กลุ่ม LGBTQ+ ในประเทศจีนต้องเผชิญ เช่น การถูกเลือกปฏิบัติในที่ทำงานหรือในสถานศึกษา การถูกกลั่นแกล้งหรือรังแก และการถูกบังคับให้แต่งงานกับเพศตรงข้าม

จากการศึกษาของ Pew Research Center ในปี 2022 พบว่า ชาวจีนมากกว่าครึ่ง (53%) เชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันไม่ควรถูกกฎหมาย แต่ก็มีแนวโน้มที่ผู้คนจะยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยพบว่า ชาวจีนรุ่นใหม่ (อายุ 18-29 ปี) มีแนวโน้มที่จะยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันมากกว่าชาวจีนรุ่นเก่า (อายุ 50 ปีขึ้นไป)

ข้อมูลทางวิชาการหรือสถิติ:

จากการศึกษาของ Vincent E. Gil นักมานุษยวิทยาการแพทย์ พบว่า ความรักร่วมเพศได้รับการยอมรับในราชสำนักจีนมาอย่างยาวนานก่อนการปฏิวัติในปี 1949 หลักฐานที่พบ ได้แก่

  • วรรณกรรมจีนโบราณหลายเรื่อง กล่าวถึงความรักระหว่างชายกับชาย เช่น บทกวี “หลงหยางจวิน” (Longyangjun) ของสมัยราชวงศ์ฮั่น ซึ่งเล่าถึงความรักระหว่างชายสองคนที่มีชื่อว่า หลงและหยาง
  • บันทึกประวัติศาสตร์จีนหลายเล่ม กล่าวถึงความสัมพันธ์แบบชายรักชาย เช่น บันทึก “ซานกั๋วเหยี่ยน” (Sanguozhi) ของสมัยราชวงศ์ฮั่น ซึ่งกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิอ้ายแห่งราชวงศ์ฮั่นกับเด็กหนุ่มคนรักของพระองค์

บทสรุป

ความรักระหว่างชายกับชายในประวัติศาสตร์จีน แสดงให้เห็นว่าความรักนั้นไม่ได้ถูกจำกัดด้วยเพศหรือสถานะทางสังคม ความรักสามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างใครก็ได้ ความรักระหว่างชายกับชายในประวัติศาสตร์จีนนั้น สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมทางสังคมของจีนในยุคนั้น ที่ให้ความสำคัญกับความรักมากกว่าเพศ ความสัมพันธ์แบบชายรักชายในประเทศจีนกำลังมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ทัศนคติของสังคมจีนต่อความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ยอมรับมากขึ้น แต่ยังมีอุปสรรคหลายประการที่กลุ่ม LGBTQ+ ในประเทศจีนต้องเผชิญ

 

เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญงานเขียน

นามปากกา : จุดสมดุล