ทำให้เว็บไซต์ของคุณเจ๋งขึ้นด้วย Heading Tag
เว็บไซต์ของคุณควรมีโครงสร้างที่ดี เพื่อให้ผู้เข้าชมเข้าใจและนำเนื้อหาไปสู่เป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ในบทความนี้เราจะพูดถึง Heading Tag และวิธีที่คุณสามารถใช้งานให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มพลังในการทำ SEO ของเว็บไซต์ของคุณ
Heading Tag คืออะไร?
Heading Tag คือ HTML Tag ที่ใช้สำหรับกำหนดหัวข้อต่างๆ ในหน้าเพจของเว็บไซต์ หัวข้อเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้เข้าชมเข้าใจเนื้อหาและ Google รู้ว่าหน้าเพจนั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรบ้าง
- H1 Tag เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกหน้าเพจต้องมี
H1 คือหัวข้อหลักของหน้าเพจ มันเปรียบเสมือนหัวข้อหลักของหนังสือ เราควรใช้ H1 เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อระบุว่าเนื้อหาหน้านั้นเป็นเรื่องอะไร นี่เป็นปัจจัยสำคัญใน SEO - การใช้ Tag H2 – H6
H2 เราจะใช้สำหรับหัวข้อย่อยของหน้าเพจ และ H3-H6 จะเป็นหัวข้อย่อยในระดับต่ำกว่า อย่าให้มีการข้ามลำดับ เช่น หาก H1 เป็นหัวข้อหลัก หัวข้อรองควรใช้ H2 แทน ไม่ควรข้ามไปใช้ H3 หรือ H4
เทคนิคการใช้ Heading Tag เพื่อเพิ่มพลังให้ SEO
1. ใช้ในการวางโครงสร้างหน้าเพจ
เมื่อคุณสร้างหน้าเพจใหม่ คิดให้รอบคอบว่าหน้าเพจนี้จะมีหัวข้ออะไรบ้าง ตั้งค่า Heading Tag ตามความสำคัญ เช่น
- H1 = บริการ SEO Suggestion (ชื่อหน้าเพจ)
- H2 = ข้อดีของการทำ SEO (หัวข้อหลัก)
- H3 = เพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ให้มากขึ้น (หัวข้อย่อย)
- H3 = สร้างความน่าเชื่อให้กับธุรกิจ
- H3 = สร้างยอดขายได้ในระยะยาว
- H3 = ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณา
2. ใส่ Keyword ใน Heading Tag
เพิ่ม Keyword ใน Heading Tag เพื่อช่วยใน SEO แต่อย่าลืมให้มันดูธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น
- H1 = บริการ SEO Suggestion (แน่นอนคือคำว่า “SEO Suggestion”)
- H2 = ข้อดีของการทำ SEO (ไม่จำเป็นต้องใส่ Keyword แต่ก็เป็นหัวข้อหลัก)
- H3 = Keyword Suggestion
- H3 = สร้างยอดขายได้ในระยะยาว (คำว่า “ยอดขาย” เป็น Keyword)
3. ปรับแต่งให้รองรับ Featured Snippets
การใช้ Heading Tag อย่างเหมาะสมอาจช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏใน Featured Snippets หรือตำแหน่ง Zero Position ในผลการค้นหา Google และเพิ่มจำนวนผู้เข้าชม
และอย่าลืมทำให้ Heading Tag ดูโดดเด่นโดยการทำให้ตัวหนังสือเป็นตัวหนาและเหมาะสมในระดับของ H Tag ที่ใช้งาน