PM 2.5 ยังอยู่ในประเทศไทยปี 2567 ทำไมยังคงเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก
PM 2.5 หรือฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ได้กลายเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลในประเทศไทยมานานหลายปี แม้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามนำมาตรการต่างๆ เข้ามาใช้เพื่อลดการเกิดฝุ่น เช่น การรณรงค์ลดการใช้รถยนต์ การควบคุมการเผาในที่โล่ง และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเฝ้าระวังฝุ่น แต่ PM 2.5 ยังส่งผลกระทบอย่างหนักในหลายพื้นที่ ทำให้คำถามยังคงค้างคาใจว่าเพราะเหตุใดปัญหานี้จึงแก้ไม่สำเร็จเสียที แล้วอะไรคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ PM 2.5 ยังอยู่คู่ประเทศไทยในปี 2567?
ทำไม PM 2.5 ถึงเป็นปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกในประเทศไทย
- การเผาไหม้และการเผาในที่โล่งแจ้ง
หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ PM 2.5 ยังอยู่ในระดับสูงคือการเผาไหม้ ทั้งจากการเผาขยะ การเผาป่าหรือพื้นที่เกษตรกรรมเพื่อเตรียมที่ปลูกใหม่ การเผาในที่โล่งนี้ก่อให้เกิดฝุ่นและสารพิษในปริมาณสูง เมื่อกระแสลมพัดผ่าน ฝุ่นก็แพร่กระจายไปยังพื้นที่ใกล้เคียง ปัญหานี้ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง เพราะการควบคุมที่ไม่ทั่วถึง และบางพื้นที่ยังใช้วิธีการเผาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและการทำเกษตร
- ปริมาณการจราจรและยานพาหนะที่เพิ่มขึ้น
ยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผลิต PM 2.5 ออกมาในปริมาณสูง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จำนวนรถยนต์และการใช้พลังงานจากฟอสซิลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ ๆ มีมลพิษสูงขึ้น การจราจรที่หนาแน่นตลอดวันทำให้การปล่อยฝุ่นจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงไม่สามารถกระจายตัวได้ดี จึงทำให้ปริมาณฝุ่นสะสมในอากาศเพิ่มสูงขึ้น
- ภาคอุตสาหกรรมที่ยังปล่อยมลพิษสูง
โรงงานอุตสาหกรรมยังคงเป็นแหล่งผลิตฝุ่น PM 2.5 ที่สำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการผลิตอย่างหนาแน่น บางโรงงานมีระบบกรองมลพิษที่ไม่ดีพอ หรืออาจไม่ปฏิบัติตามมาตรการสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ส่งผลให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้ยังคงถูกปล่อยออกมาสู่ชุมชนใกล้เคียงและแหล่งที่พักอาศัย
- การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและสภาวะภูมิอากาศ
การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศทำให้ลมพัดฝุ่นในบางพื้นที่กระจายตัวได้ยากขึ้น เช่น ในช่วงฤดูหนาวที่มักไม่มีฝน ฝุ่นละอองจะสะสมตัวในอากาศและไม่ถูกชะล้างลงสู่ดินเหมือนในช่วงฤดูฝน ซึ่งทำให้ปริมาณฝุ่นในเมืองใหญ่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
- การรับมือของหน่วยงานภาครัฐและการบังคับใช้กฎหมาย
แม้ว่าหน่วยงานภาครัฐจะออกกฎหมายและนโยบายเพื่อควบคุมการปล่อยมลพิษ แต่ยังขาดการบังคับใช้ที่มีประสิทธิภาพหรือการติดตามผลที่เข้มงวด เช่น การตรวจสอบการปล่อยมลพิษจากโรงงาน การควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม และการส่งเสริมให้ประชาชนใช้พาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
PM 2.5 ยังคงเป็นปัญหาที่ท้าทายสำหรับประเทศไทยในปี 2567 เพราะปัจจัยหลายประการทั้งการเผาในที่โล่ง ยานพาหนะที่เพิ่มขึ้น ภาคอุตสาหกรรมที่ยังปล่อยมลพิษสูง การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ การแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงระดับประเทศ เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่สะอาดและปลอดภัยสำหรับทุกคน