เส้นแบ่งเลน “สีขาว” และ “สีเหลือง” แตกต่างกันอย่างไร?

เส้นแบ่งเลน “สีขาว” และ “สีเหลือง” แตกต่างกันอย่างไร?

เส้นแบ่งเลน “สีขาว”

เส้นแบ่งเลน “สีขาว” คือเส้นแบ่งช่องทางจราจรปกติ ที่เราเห็นในถนนแบบปกติ ซึ่งมีลักษณะดังนี้:

  • การเดินรถในทิศทางเดียวกัน: เส้น “สีขาว” จะใช้สำหรับถนนที่มีการจราจรไปในทิศทางเดียวกันเท่านั้น นั่นหมายความว่ารถทั้งสองช่องทางจะเดินรถไปในทิศทางเดียวกัน ไม่มีการข้ามถนนหรือแซงทางอื่นในทิศทางตรงกันข้ามนี้
  • การใช้ช่องทางเท่านั้น: ผู้ขับขี่จะต้องขับรถอยู่ภายในช่องจราจรเท่านั้น ไม่สามารถขับรถคร่อมเส้น “สีขาว” ได้ ยกเว้นกรณีที่ต้องการเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยว

เส้นแบ่งเลน “สีเหลือง”

เส้นแบ่งเลน “สีเหลือง” มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างออกไป ดังนี้:

  • การเดินรถในทิศทางตรงกันข้าม: เส้น “สีเหลือง” จะใช้สำหรับถนนที่มีการจราจรในทิศทางตรงกันข้าม นั่นหมายความว่ารถทั้งสองช่องทางจะเดินรถในทิศทางตรงกันข้าม โดยผู้ขับขี่สามารถแซงรถคันหน้าได้เมื่อเห็นว่าปลอดภัย และจะต้องรีบกลับเข้ามายังช่องทางเดินรถที่ถูกต้องทันทีเมื่อแซงพ้น
  • การขับรถอย่างปลอดภัย: ผู้ขับขี่จำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังอย่างเป็นพิเศษเมื่อใช้เส้น “สีเหลือง” เนื่องจากมีการแซงรถคันอื่นในทิศทางตรงกันข้าม อาจเป็นจุดอับสายตา จึงควรใช้ความระมัดระวังเพิ่มเติม

การใช้เส้นแบ่งเลนอื่นๆ

นอกเส้นแบ่งเลน “สีขาว” และ “สีเหลือง” ยังมีเส้นแบ่งเลนอื่นๆ ที่มีลักษณะการใช้งานต่างกัน เช่น:

  • เส้นทึบสีขาว: เส้นแบ่งช่องทางเดินรถที่ผู้ขับขี่ห้ามเปลี่ยนช่องทางเดินรถในเส้นทึบเด็ดขาด โดยมักจะพบเส้นทึบสีขาวได้ก่อนถึงแยกจราจรและบริเวณไหล่ทาง
  • เส้นทึบสีเหลือง: เส้นแบ่งช่องทางเดินรถที่มีทิศทางตรงกันข้าม โดยผู้ขับขี่ห้ามขึ้นแซงรถคันหน้าเด็ดขาด เนื่องจากอาจเป็นจุดอับสายตา ที่ทำให้การแซงไม่ปลอดภัย
  • เส้นทึบคู่สีเหลือง: ห้ามผู้ขับขี่เปลี่ยนเลนหรือขึ้นแซงโดยเด็ดขาด
  • เส้นทึบคู่กับเส้นประสีเหลือง: เส้นแบ่งทิศทางจราจรห้ามเปลี่ยนเลนหรือแซงเฉพาะด้าน โดยรถที่อยู่ฝั่งเส้นทึบห้ามเปลี่ยนเลนหรือแซงเด็ดขาด และรถที่อยู่ฝั่งเส้นประสามารถเปลี่ยนเลนหรือแซงได้เมื่อเห็นว่าปลอดภัย

เมื่อทราบถึงรายละเอียดและการใช้งานของเส้นแบ่งเลนแต่ละแบบนี้ ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎจราจรเพื่อความปลอดภัยของท่านและผู้อื่นบนถนนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเส้นแบ่งเลนใด ๆ ก็ตาม เป็นเส้นทางสู่การขับขี่ที่ปลอดภัยและราบรื่นขึ้นในทุกวัน