ดอกเบี้ยขึ้นแบบนี้ ลูกหนี้ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ดอกเบี้ยขึ้นแบบนี้ ลูกหนี้ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
การเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่ขึ้นสูงอาจทำให้ลูกหนี้ต้องเสียสติกับสถานการณ์การเงินของตนเองอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ ข้อมูลและวิธีการจัดการหนี้เมื่ออัตราดอกเบี้ยขึ้นก็กลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ลูกหนี้สามารถรับมือกับเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้างล่างนี้เราจะแบ่งปันวิธีการจัดการหนี้และลดรายจ่ายในช่วงอัตราดอกเบี้ยขึ้น และวิธีเจรจากับสถาบันการเงินเพื่อความประสงค์ของคุณ
ประเภทสินเชื่อพร้อมอัตราดอกเบี้ย
สินเชื่อส่วนบุคคล
สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน มักจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า เพราะเป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงกว่าสินเชื่อที่มีหลักประกัน
สินเชื่อบัตรเครดิต
- ดอกเบี้ยร้อยละ 16
- สินเชื่อบัตรกดเงินสด: ดอกเบี้ยร้อยละ 25
- สินเชื่อบัตรส่วนบุคคล: ดอกเบี้ยร้อยละ 25
สินเชื่อเช่าซื้อรถ
- รถยนต์ใหม่: ไม่เกินร้อยละ 10 ต่อปี
- รถยนต์ใช้แล้ว: ไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี
- รถจักรยานยนต์ทั้งเก่าและใหม่: ไม่เกินร้อยละ 23 ต่อปี
สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
ดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2566 MRR จะอยู่ที่ 6.9%-7.5%
การจัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.ปิดบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลก่อน
บัตรเครดิตเป็นสินเชื่อที่หลายคนเลือกใช้มากที่สุด แต่หากไม่วางแผนการใช้บัตรเครดิตให้ดี ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งสินเชื่อที่สร้างปัญหาทางการเงินไม่ใช่น้อย ซึ่งการใช้ทั้งบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อประเภทอื่น ๆ ยอดผ่อนชำระต่อเดือนควรอยู่ที่ 30% ของรายได้ หรือไม่เกิน 40% จึงจะดีที่สุด อย่างที่เราบอกไปข้างต้นว่าอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อทั้ง 3 ประเภทนี้ มีอัตราดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 16-25 ใครที่มีหนี้กลุ่มเยอะ ๆ ควรหาวิธีปิดบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลก่อน การลดรายจ่ายส่วนนี้ออกไปจะช่วยให้คุณมีเงินเหลือไปใช้หนี้ หรือใช้จ่ายส่วนอื่นได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น หยุดเอาบัตรนู้นมาโปะบัตรนี้ ที่จะทำให้เป็นการสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว และในอนาคตจะยิ่งบริหารจัดการหนี้ได้ยากกว่าเดิม
2.รวมหนี้เป็นก้อนเดียว
การจัดการหนี้ที่มีการผ่อนชำระหลายแห่งอาจกลายเป็นภาระทางการเงินให้กับคุณ และการจัดการหนี้นี้อาจทำให้คุณสับสนในการตรวจสอบว่าควรจะจ่ายหนี้แห่งใดก่อน หากคุณมีหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ลองหาสินเชื่อที่ให้กู้เป็นเงินก้อนใหญ่อย่างสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ หรือสินเชื่อทะเบียนรถเก๋ง-กระบะ สินเชื่อทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ เพราะสินเชื่อกลุ่มนี้จะมีอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าเท่าตัวเลย เมื่อได้เงินก้อนมาก ให้นำไปปิดบัตรเครดิตหรือบัตรต่าง ๆ ที่ผ่อนไม่ไหว เพื่อที่จะได้เป็นหนี้ที่เดียวในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงกว่าเดิมอย่างแน่นอน
3.เจรจากับสถาบันการเงิน
ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อประเภทไหนก็ตาม เมื่อคุณเริ่มเข้าใจสถานการณ์การเงินของตัวเองแล้วว่าน่าจะผ่อนไม่ไหว ให้รีบเจรจา พูดคุย กับสถาบันการเงินนั้น ๆ ทันที เพื่อขอปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้ก่อนจะเลยวันกำหนดชำระ เพราะมีโอกาสสูงที่สถาบันการเงินจะเข้าใจสถานการณ์ของคุณ พร้อมนำเสนอเงื่อนไขที่พอจะช่วยคุณได้อย่างแน่นอน และอาจจะไม่ทำให้คุณต้องเสียประวัติเครดิตบูโรอีกด้วย
4.ลดดอกเบี้ยได้ง่าย ๆ ด้วยการ Retention หรือ Refinance
สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดทุกประเภท ดอกเบี้ยตามสัญญาเงินกู้สามารถนำไป Retention หรือ Refinance เพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือปรับเปลี่ยนเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้ให้มีความเหมาะสมกับคุณมากขึ้นได้ เช่น ระยะเวลาการผ่อนที่นานขึ้น หรือค่างวดผ่อนชำระต่อเดือนที่น้อยลง เป็นต้น
สรุป
การเตรียมตัวและจัดการหนี้เมื่อดอกเบี้ยขึ้นสูงขึ้นนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เราต้องรู้ถึงประเภทสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ยที่เกี่ยวข้อง วิธีรับมือเมื่ออัตราดอกเบี้ยขึ้นคือการจัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพและวางแผนการเงินเพื่อให้ชำระหนี้ได้อย่างสมดุล โดยควรจะระบุยอดผ่อนในแต่ละเดือนให้ไม่เกิน 40% ของรายได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดทางการเงิน หากต้องเผชิญกับช่วงดอกเบี้ยขึ้น นอกจากนี้ การวางแผนการจัดการหนี้ด้วยความรอบคอบ และการเจรจากับสถาบันการเงินอาจเป็นวิธีที่ช่วยคุณลดรายจ่ายและรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด กรุณาพิจารณาและดำเนินการตามคำแนะนำข้างต้นเพื่อความปลอดภัยในการจัดการหนี้ของคุณในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยขึ้นสูงขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลมากที่สุด